ขายทองคำ แบบไหนได้เงินเท่าไหร่ และแต่ละแบบเท่ากันไหม?

Welcome to WordPress. This is your first post. Edit or delete it, then start writing!

ถ้าถึงเวลาที่ต้อง ขายทองคำ อยากรู้ไหมว่าขายทองแบบไหน ได้เงินเท่าไหร่ แล้วราคาต่างกันมากน้อยแค่ไหน มาจ้ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

ทำไม ขายทองคำ แต่ละที่ หรือแต่ละรูปแบบ ได้ราคาไม่เท่ากันล่ะ?

เอาเข้าจริง ราคาที่ได้ของแต่ละที่มักแตกต่างกันอยู่แล้ว หากเราซื้อทองร้านทองค้าปลีก หรือร้านทองตู้แดงร้านนึง แต่หากเวลาขายไปอีกร้านนึง ไม่ว่าจะทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ ก็มีโอกาสที่จะโดนหักราคาได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเปอร์เซนต์ของการหักของทองคำแท่งจะมีเปอร์เซนต์น้อยกว่า เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนจากตัวทองว่ามีการรับประกันว่าเป็นทองจริง และยังมีน้ำหนักและค่าความบริสุทธิ์คงที่และมีความเสียหายได้น้อยกว่าทองรูปพรรณที่เป็นทองเครื่องประดับเพราะฉะนั้นจะมีค่าเสื่อมและความเสียหายเกิดขึ้นมากกว่า

ขายทองคำ

สิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างคือ ราคารับซื้อคืนของทองรูปพรรณที่ได้ประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ กับราคาร้านทองที่รับซื้อจริงอาจมีราคาที่แตกต่างกัน ก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี๊แหละค่ะ โดยราคาจากประกาศของสมาคมค้าทองคำฯ มีราคารับซื้อคืนทองคำแท่งเพียง 1.8% ส่วนหลักเกณฑ์ที่ทาง สคบ.กำหนดไว้และปฏิบัติกันมาเป็นส่วนมาก หากเป็นทองรูปพรรณที่เราซื้อออกจากร้านเดียวกันไปจะคิดลดจากราคารับซื้อทองคำแห่งได้ไม่เกิน 5% แต่ถ้าจากคนละที่คนละร้านก็มีโอกาสหักได้เกิน 5% ซึ่งจะไม่มีการบวกค่าลายหรือค่ากำเหน็จคืนให้ สิ่งที่คิดก็คือน้ำหนักทองตามที่ปรากฏบนตราชั่งเท่านั้น 

*เอาเป็นว่า ถ้าคิดอยากขายทองคำ โดยเฉพาะทองรูปพรรณ แนะนำได้เพียงว่า ซื้อร้านไหน นำไปขายร้านนั้น แต่ก็ต้องทำใจแล้วว่าการโดนหักค่าต่าง ๆ จะมากจะน้อยยังไง ของสร้อย แหวน กำไลของเราก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานทั้งนั้น และแน่นอนว่าการรับซื้อคืนจะได้ไม่เต็มราคาที่เราซื้อออกมาแน่นอนจ้ะ

ถ้าจะซื้อเพื่อขาย ทองคำแท่งใช่ไหมคือคำตอบ

อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ ทองทั้งสองประเภท การใช้งานก็ต่างกันอยู่แล้ว ทองคำแท่งก็ขึ้นชื่อว่าซื้อเพื่อเก็บ กับทองรูปพรรณเป็นการซื้อเพื่อใส่เป็นเครื่องประดับ ขอยกคำเซเลบที่พูดติดปากกันในสมัยหนึ่งละกันว่า มีเพื่อโชว์กับมีเพื่อเก็บละกันเนอะ ถ้าซื้อเพื่อเอาความสวยงามก็ต้องทองรูปพรรณ แต่ถ้าซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือสะสมก็ควรจะซื้อทองคำแท่ง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเป็นเจ้าของทองคำด้วยจุดประสงค์อะไรมากกว่า หรือหากยังตัดสินใจลำบากว่า แล้วฉันจะซื้ออะไรดีล่ะ ลองตามไปลิงก์นี้ดูจ้ะ >> ซื้ออะไรดีระหว่าง ทองแท่ง กับ ทองรูปพรรณ 

ขายทองคำ

ทวนอีกที ทำไมขายทองแล้วได้ไม่เต็มราคา และทองแบบไหนต้องโดนหักค่านู่นค่านี่

อย่างที่พูด ๆ กันในทุกบทความว่าทองนั้นมีค่าในตัวของทองคำเอง ซึ่งน้อยมากที่จะทำให้ราคาของทองคำตกลง ถ้านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่าราคานั้นไม่มีตกเลย มีแต่เพิ่มขึ้น ๆ  และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หลาย ๆ  คนอยากจะซื้อเก็บไว้ในช่วงราคาที่ตัวเองมีกำลังซื้อ แต่เมื่อถึงสถานการณ์วันนี้มีความจำเป็นที่จะต้องขายทองออกไป สิ่งที่จะต้องรู้เลยคือการโดนหักค่าต่าง ๆ นี่แหละค่ะ เดี๋ยวเราจะมายกตัวอย่างให้เข้าใจและเห็นชัดมากขึ้น

ขายทองคำ

ขอยกตัวอย่างในการขายทองรูปพรรณละกันนะคะ เพราะเป็นการขายที่เมื่อเราได้นำทองไปขายจริง ๆ จะไม่ได้เต็มจำนวนจากที่เราซื้อไปแน่นอน

สมมติว่า เราซื้อ แหวนทอง 1 สลึง มา และได้นำไปขายในร้านทองร้านหนึ่ง โดยวันนั้นร้านทองได้ประกาศรับซื้อทอง ณ วันนั้นคือ 25,000 บาท และทางร้านก็ได้ประเมินความเสียหาย ตรวจสอบน้ำหนักของทองแล้ว จะมีการหักค่าเสื่อมหรือค่าความเสียหาย ในจำนวนบาทละ 1,000 บาท

แน่นอนค่ะว่า เราไม่ได้ขายทองในราคา 6,250 บาท อย่างแน่นอน *สามารถดูวิธีคำนวณราคาทอง 1 สลึง ได้ที่ ค่ากำเหน็จ เรื่องสำคัญที่ควรรู้ก่อนซื้อทอง แต่คุณจะต้องโดนหักอีก 1,000 บาท ก็คือค่าความเสื่อมของทองที่ได้ผ่านการใช้งานมาแล้วนั่นแหละค่ะ และไม่ต้องถามหาค่ากำเหน็จที่ได้เสียไปในตอนซื้อนะคะ อันนั้นถือเป็นค่าผลิต และค่าบริการต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถกลับมาบวกคืนได้ค่ะ 

คราวนี้เพื่อน ๆ คงน่าจะเข้าใจกันเพิ่มขึ้นแล้วนะคำว่าการขายทองคำ แบบไหนน่าจะได้เงินเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละแบบก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าการได้ราคารับซื้อนั้นไม่เท่ากันแน่นอน ทั้งสถานที่ที่นำไปขาย ชนิดของทองที่ขาย รวมถึงสภาพการใช้งานของทองด้วย เอาจริง ๆ ถ้าให้แนะนำอย่างจริงใจเลยว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ ก็อย่าขายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทองแท่งหรือทองรูปพรรณ พยายามเก็บสะสมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ เพื่อความร่ำรวยและความปังของพวกเราทุกคนค่ะ

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับทอง ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้ทองแท้โดนใจ กับราคาที่พอใจ: