ถ้าคุณกำลังลังเลอยู่ว่าจะเลือกลงทุนในธนาคาร ซื้อพันธบัตร ฝากประจำ หรือจะเล่นหุ้น ลุ้นหวย แล้วหวังผลตอบแทนให้คุ้มกับที่ลงไป วันนี้ SFAIR ขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกที่เชื่อว่าจะต้องถูกอกถูกใจนักช็อปที่คลั่งไคล้กระเป๋าแบรนด์หรูอยู่เป็นทุนเดิม
เพราะสิ่งนี้แหละค่ะที่นอกจากจะสร้างความสุขทางใจให้เราได้แล้ว ยังช่วยคงมูลค่าของเม็ดเงินไว้ดี๊ดี ไม่แพ้ตัวเลือกอื่นๆ เลยแหละค่ะ แต่ช้าก่อน!! ไม่ใช่เอะอะๆ จะซื้อแบรนด์เนมอะไรมาหิ้วก็ได้นะคะ ก็แหม…ราคาหลักหมื่นหลักแสนขนาดนี้ ดังนั้น SFAIR จึงขอเอา 5 เทคนิคขั้นเทพมาฝากกันหน่อยละกันค่ะ
1 กระเป๋าแบรนด์ “เลือกที่ใช่มีชัยไปกว่าครึ่ง”
เชื่อเถอะค่ะว่า “แบรนด์” คือสิ่งสำคัญที่จะสะท้อนภาพความหรูหราได้ดีที่สุด บางคนยังไม่ทันได้เห็นรูปทรง สีสัน วัสดุของกระเป๋าแบรนด์ที่ออกมาใหม่ แต่เงินในกระเป๋ากลับสั่นระรัวๆๆ พร้อมจะปลิวออกไปซะให้ได้ เพียงแค่ได้ยินชื่อแบรนด์ตัวท็อปทั้งหลาย …
SFAIR ขอนำเสนอ 3 แบรนด์ตัวแม่ กระเป๋าแบรนด์ Hermès,กระเป๋าแบรนด์ Chanel และกระเป๋าแบรนด์ Louis Vuitton ที่ขึ้นแท่นแบรนด์ที่คงมูลค่าไว้ได้ดีและนานที่สุดให้เป็นตัวเลือกต้นๆ เลยค่ะ เพราะต่างเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยนโยบายสะบัดบ๊อบ “ไม่ลดราคาแม้แต่บาทเดียว” ไม่ว่าคุณจะเป็นเซเล็บคนดังแค่ไหนก็ต้องจ่ายเท่ากัน รวมถึงจำนวนการผลิตที่จำกัด จนต้องควานหาและแย่งชิงกันให้วุ่นวายทั้งวงการ ยิ่งเป็นเหตุผลให้ราคาลดลงยากสุดๆ ค่ะ
2 กระเป๋าแบรนด์ “คลาสสิกตลอดกาล” ไม่มีวันเอาท์
“ใบนู้นก็ชอบ” “สีนี้ก็ใช่” และอีกสารพัดเหตุผลที่อยากจะเทเงินซื้อตามทุกแบบ ทุกคอลเลคชั่นใหม่ที่ออกมาเพิ่มตัวเลือก ทำเอาสาวๆ อย่างเราปั๊มเงินกันไม่หวาดไม่ไหว แต่อย่าเพิ่งตามกระแสไปไกลเกินนะคะ เพราะว่าตัวเลือกแบบคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอคือ ตัวเต็งมูลค่าสูง…
เช่น กระเป๋าแบรนด์ Chanel 2.55, Classic Flap Bag และ 2.55 Reissue ที่สามารถใส่เป็น Everyday look ได้ หรือกระเป๋าแบรนด์ Hermès Birkin ที่จะใช้ยังไงก็ดูดี เข้ากับทุกยุคทุกสมัย เพราะความคลาสสิกมันยั่งยืนตลอดกาล ต่อให้วันหนึ่งเปลี่ยนใจอยากส่งต่อ ราคาก็ไม่ตกอยู่แล้วค่ะ
3 กระเป๋าแบรนด์ “ยิ่งไม่เหมือนใครยิ่งราคาดี”
ไม่เพียงแค่คุณจะเป็นจุดสนใจเท่านั้น หากได้ครอบครองกระเป๋ารุ่น “ลิมิเต็ดอิดิชั่น” ที่มีการปรับวัสดุ เปลี่ยนสี หรือเพิ่มดีไซน์แบบใหม่
เมื่อเวลาผ่านไป แต่ความต้องการในตลาดยังคงไม่หยุดยั้ง คุณยังคงสามารถทำเงินได้จากกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้ที่ทั้งหายากและราคาไม่ธรรมดาของแบรนด์ดังได้แน่นอนค่ะ แต่ไม่ใช่แค่ชื่อลิมิเต็ดแล้วจะราคาดีอยู่เสมอไปหรอกนะคะ เพราะถ้าแบรนด์หรือรุ่นนั้นไม่นิยม ไม่ว่าจะพิเศษขนาดไหนก็ไม่อาจคงมูลค่าไว้ได้อยู่ดีค่ะ
4 กระเป๋าแบรนด์ “ราคาไม่ตกถ้าใช้งานเป็น”
ข้อดีอย่างหนึ่งของการลงทุนในกระเป๋าแบรนด์ที่แตกต่างจากการลงทุนอื่นๆ คือเราจะได้ใช้งานกระเป๋าถือไปไหนต่อไหนได้ด้วยใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้ายิ่งใช้บ่อยก็อาจจะเสื่อมสภาพได้เร็วถ้าไม่ระมัดระวังพอ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นหูหิ้วหรือสายสะพายที่มีโอกาสเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือวัตถุอื่นๆ รอบตัวเราได้ง่าย เช่นเดียวกับบริเวณขอบก้นของกระเป๋าเวลาที่เราวางบนโต๊ะ เก้าอี้ หรือสัมผัสกับพื้นประเภทต่างๆ ซึ่งถ้าสาวๆ
ไม่อยากให้ราคาตก ก็อย่าลืมหาวิธีป้องกันหรือทะนุถนอมการใช้งานให้มากขึ้นด้วยนะคะ …
อ้อ แล้วก็อย่าลืมเก็บป้าย ใบเสร็จ และถุงเอาไว้อย่างดีด้วยนะคะ เพราะเจ้าสามอย่างนี้ช่วยอัพราคาแบรนด์เนมมือสองได้อีกเยอะเลยค่ะ
5 กระเป๋าแบรนด์ “ดูแลดีจนใครๆก็อยากได้”
เราพูดถึงแนวทางการเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์ให้ได้ราคาดีกันไปเยอะแล้ว แต่เทคนิคสำคัญหลังจากที่ได้มาก็มีผลอย่างมากต่อมูลค่าในอนาคตเช่นกัน
เพราะคงไม่มีใครอยากเสียเงินให้กับกระเป๋าที่หมดสภาพ ใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันใช่ไหมล่ะคะ วิธีง่ายๆ เลยก็คือ ศึกษาและทำตามคำแนะนำในคู่มือที่ให้มาพร้อมกระเป๋า เพราะวัสดุแต่ละประเภทหรือรูปทรงแต่ละแบบ ย่อมมีการดูแลและเก็บรักษาด้วยวิธีที่ต่างกัน และคงไม่มีใครจะไปรู้ดีกว่าเจ้าของแบรนด์หรอก…จริงไหมคะ
หวังว่า 5 เทคนิคขั้นเทพที่ SFAIR เพิ่งบอกไป จะช่วยรักษาราคากระเป๋าแบรนด์ให้สาวๆ ไม่ต้องกังวัลหรือรู้สึกผิดเวลาที่ต้องควักเงิน 6-7 หลักถอยกระเป๋าใบใหม่สักใบนะคะ เพราะต่อไปนี้ เราจะใช้งานน้องเค้าได้อย่างคุ้มค่า และคุ้มราคาแน่นอนค่า..